การเลือกใช้งาน thermocouple และ RTD
บทความนี้เขียนขึ้นจากประสพการณ์ในการออกแบบระบบวัดและควบคุมอุณหภูมิของเครื่องจักรมาหลายสิบปีของผู้เขียนนะครับ เพื่อแสดงให้เห็นว่า การที่ผู้ผลิตและออกแบบเครื่องจักรเขาใช้หลักคิดยังไงในการเลือกใช้ temperature sensor ในงานแต่ละประเภท บางงานทำไมต้องเลือก RTD บางงานทำไมต้อง thermocouple มันมีเหตุและผลของมัน ไม่ใช่ใช้อะไรก็ได้นะครับ เอาหละ เรามาดูกันว่า เขาเลือกใช้จากเหตุผลอะไรบ้าง
อย่างแรก เรามาดูข้อแตกต่างระหว่าง Pt100 กับ Thermocouple
1. ทางกายภาพ
- Pt100 ทำจากลวดแพลททินัม มีความต้านทานที่ 100 โอห์มที่ 0 องศา และจะเปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิ
- Thermocouple ทำจากโลหะ 2 ชนิดเชื่อมปลายเข้าด้วยกัน เมื่ออุณหภูมิทั้ง 2 ด้านต่างกัน จะเกิดกระแสไหลในวงจร
2. ทางสัญญาณไฟฟ้า
- Pt100 เป็นความต้านทาน ดังนั้น Temp controller หรือ Indicator จะต้องจ่ายกระแสให้ใหลผ่านตัวต้านทาน แล้วจึง แปลข้อมูลเป็นอุณหภูมิ
- Thermocouple จะกำเนิดกระแสได้เองโดยหลักการ แต่ปริมาณน้อยมาก Thermocouple จึงทนสัญญาณรบกวนได้ น้อยและเดินสายได้ไม่ไกล
ตารางเปรียบเทียบสัญญาณทางไฟฟ้า (ที่อุณหภูมิ 100 C)
Pt100 |
E = I x R |
E = 277 mV |
Thermocouple Type K |
100 C =4.096 mV |
E = 4.096 mV |
จะเห็นได้ว่า สัญญาณไฟฟ้าของ Pt100 ห่างจาก Thermocouple 67 เท่า
3.ทางการ Reference อุณหภูมิที่ 0 องศา
- Pt100 ถูกออกแบบให้ Reference อุณหภูมิที่ 0 องศา ตั้งแต่กระบวนการผลิต
- Thermocouple จะไม่ Reference อุณหภูมิที่ 0 องศา จากหลักการบอกใว้ว่า Thermocouple ทำจากโลหะ 2 ชนิด เชื่อม ปลายเข้าด้วยกัน เมื่ออุณหภูมิทั้ง 2 ด้านต่างกัน จะเกิดกระแสไหลในวงจร ถ้าอุณหภูมิทั้ง 2 ด้านเท่ากัน(วัดอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง) จะไม่เกิดกระแสไหลเลย ดังนั้น สรุปได้ว่า Thermocouple จะ Reference ณ ุณหภูมิห้องในขณะนั้น แล้วก็มีข้อสงสัยตามมาว่า เวลาวัดอุณหภูมิห้องด้วยเครื่องมือวัดที่มีอินพุตเป็น Thermocouple แล้วเครื่องมือเหล่านั้นแสดงผลได้ ก็เพระว่าเครื่องมือเหล่านั้นมีวงจรชดเชยอุณหภูมิห้องเอาไว้แล้ว ทั้งนี้ การแสดงผลอุณหภูมิ จะมีแรงดันมาจาก 2 ส่วนคือ
แรงดันที่นำไปประมวลแสดงผล = แรงดันจาก Thermocouple + แรงดันจากวงจรชดเชย
ตารางเปรียบเทียบ Pt100 และ Thermocouple
|
Thermocouple |
Pt100 |
Repeatability |
2 F~ 15 F |
0.2 ~ 2 F |
เสถียรภาพการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงได้ |
1~2 F / ปี |
น้อยกว่า 0.10 % ใน 5 ปี |
ความไว |
10~50 V/ C |
0.2 ~10 ohm/ C |
ช่วงการวัด |
-300 ~ 3100 F |
-120 ~1600 F |
เอาต์พุต |
0~60 mV |
0~6 V |
Power ( load = 100 ohm) |
1.6 x 10 W |
4 x 10 W |
Linearity |
ปานกลาง |
ดี |
ลักษณะทั่วไป |
ประหยัดและใช้งานได้ดี |
ความแม่นยำสูง |
วิธีการเลือกใช้งาน Thermocouple และ Pt100
ข้อที่ต้องคำนึงถึงและพิจารณาดังนี้
1. ช่วงการวัด
- Pt100 เหมาะกับการวัดอุณหภูมิต่ำ – 200~ 400 C
- Thermocouple เหมาะกับการวัดอุณหภูมิสูง 200 ~ 1800 C
2. จุดติดตั้ง
- Pt100 ต้องมีความยาว Tube อย่างน้อย 30 mm ไม่เหมาะกับพื้นที่แคบและสั้น
- Thermocouple เหมาะจะติดตั้งหากมีพื้นที่น้อยและแคบ
3. ความชื้น
- Pt100 หากจะติดตั้งในพื้นที่ ๆ ที่มีความชื้นสูง ต้องมีโปรเทคชั่นที่ดีมาก ๆ
- Thermocouple สามารถใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ๆ ได้ดี หรือจะใช้งานแบบเปลือย ก็ได้หากต้องการความไวสูง
4. ความใว
- thermocouple โดยทางกายภาพแล้ว ที่ขนาดเดียวกัน รูปร่างเหมือนกัน thermocouple จะมีความใวมากกว่า Pt100
5. ความแม่นยำ
- จากตารางเปรียบด้านบน จะเห็นว่า RTD มีความแม่นยำในการวัดมากกกว่า thermocouple
6.ระยะทางในการเดินสาย
- Pt100 เหมาะกับการติดตั้งกรณีที่ต้องเดินสายไกล ๆ เพราะมีการ Compensate สายเรียบร้อยแล้ว
- Thermocouple ไม่เหมาะกับการเดินสายไกล ๆ เนื่องจากแรงดันต่ำ
7.ราคา ( รวมการเดินสาย)
- Pt100 เฉพาะ ตัววัด ราคาสูงกว่า แต่สายถูกกว่า เนื่องจากใช้สายอะไรก็ได้ที่มีความต้านทานสายน้อยๆ
- thermocouple ต้องใช้สายสำหรับ thermocouple เท่านั้น และต้องเป็นชนิดเดียวกัน thermocouple ที่ใช้อยู่ หากไม่ใช่จะเกิดความผิดเพี้ยนสูงมาก ซึ่งราคาสายของ Thermocouple จะสูงกว่า Pt100
จากทั้ง 7 ข้อที่ว่ามาทั้งหมด ผู้ออกแบบต้องให้น้ำหนักความสำคัญของแต่ละข้อแตกต่างกันไปตามลักษณะงาน ยกตัวอย่างเช่น
1. งานวัดอุณหภูมิลมร้อน 80 C ในท่อลม
2. งานวัดอุณหภูมิน้ำในถังต้ม 80 C
จะเห็นว่า อุณหภูมิ 80 C เท่ากัน แต่รูปแบบงานไม่เหมือนกันเลย การวัดลมที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง มีการใหลของอากาศผ่าน sensor เร็วมาก ต้องการความใวสูง ๆ ซึ่งสำคัญกว่าความแม่นยำ ควรเลือกใช้เป็น thermocouple ที่มีขนาด tube เล็กๆ เช่น sheath ขนาด 3.2 mm ถ้าต้องการความใวสูงมาก ๆ ต้องผลิตเป็นแบบ ground type ก็จะได้ความใวสูง ๆ ตามต้องการ
อีกงานคือวัดน้ำในถังต้ม งานแบบนี้ควรเลือกใช้เป็น RTD Pt100 เพราะเป็นงานที่ไม่ต้องการความใว แต่ต้องการความแม่นยำที่สูงกว่า เพราะมวลน้ำไม่ได้ใหลไปใหน การต้มก็ต้องใช้เวลา จึงมีเวลามากพอที่ sensor จะรับอุณหภูมิที่ถ่ายทอดผ่าน protection tube เข้ามาจนค่าที่วัดได้กับอุณหภูมิจริงเท่ากัน
แต่ละงาน ผู้ออกแบบก็จะมีเหตุผลในการเลือกใช้แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประสพการณ์ของแต่ละท่าน แต่หลัก ๆ ก็ต้องพิจารณาจาก 7 ข้อด้านบน ว่าให้น้ำหนักข้อใหนสูงสุด แล้วที่เหลือก็ให้ลำดับความสำคัญต่ำลงไปเรื่อย ๆ ก็จะสามารถเลือกได้ว่าเราจะเลือกใช้ประเภทใหน RTD หรือ thermocouple